กำไรสุทธิของ BYD ในไตรมาสแรกเติบโต 100.38% เมื่อเทียบกับปีก่อน มีกำไรรวม 1.26 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

【PCauto】จากรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2025 ของ BYD บริษัทมีรายได้รวม 170,300 ล้านหยวน (ประมาณ 23,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เติบโตขึ้น 36.35% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 9,155 ล้านหยวน (ประมาณ 1,260 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 100.38% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ในตลาดจีน BYD ขยายความได้เปรียบด้วยกลยุทธ์สงครามราคา โดยในไตรมาสแรก อัตราการเจาะตลาดของรถยนต์พลังงานใหม่ในจีนทะลุ 51% และ BYD มียอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ 1,000,800 คัน เพิ่มขึ้น 59.81% คิดเป็นสัดส่วน 21% ของตลาดภายในประเทศ โดยรุ่นระดับกลางถึงไฮเอนด์อย่าง Han และ Tang มีส่วนในการสร้างกำไรมากกว่า 30% ถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยให้กำไรของบริษัทเติบโต

เบื้องหลังการเติบโตของรายได้และกำไร การวางโครงสร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรมครบวงจรของ BYD มีบทบาทสำคัญ ตั้งแต่การทำเหมืองลิเธียม การผลิตแบตเตอรี่ การพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์ ไปจนถึงการผลิตรถยนต์ครบทั้งคัน โครงสร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรมที่สมบูรณ์นี้ช่วยให้บริษัทสามารถควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ยกตัวอย่างเช่นในส่วนของแบตเตอรี่กำลังขับเคลื่อน ต้นทุนในไตรมาสแรกลดลง 18% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีความสามารถในการแข่งขันด้านราคามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ในปีนี้ BYD ยังได้ประกาศว่าจะนำระบบขับขี่อัจฉริยะขั้นสูงมาใช้กับรถทุกรุ่น เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันของผลิตภัณฑ์อีกขั้น

ในตลาดนอกประเทศจีน BYD ก็ทำผลงานได้โดดเด่นเช่นกัน โดยในไตรมาสแรกมียอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ในต่างประเทศถึง 206,000 คัน เติบโตประมาณ 110% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

เพื่อขยายตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น BYD ได้เร่งวางกลยุทธ์ระดับโลกอย่างต่อเนื่อง: โรงงานในเม็กซิโกจะเริ่มผลิตในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 โดยมีกำลังการผลิตเริ่มต้นที่ 150,000 คัน ครอบคลุมตลาดอเมริกาเหนือเป็นหลัก; โรงงานในฮังการี ประเทศยุโรป กำลังอยู่ระหว่างการเตรียมการ กำหนดแล้วเสร็จในปี 2026 โดยเน้นเจาะกลุ่มตลาดระดับไฮเอนด์; ส่วนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ BYD ใช้กลยุทธ์ผลิตในประเทศผ่านโรงงานในประเทศไทย ลดต้นทุนภาษีนำเข้าและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของสินค้า

ปัจจุบัน BYD กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจาก "ผู้ผลิตรถยนต์" สู่ "ผู้ให้บริการโซลูชันด้านพลังงาน" โดยธุรกิจระบบกักเก็บพลังงานถือเป็นหนึ่งในแกนสำคัญของการเปลี่ยนแปลง ในไตรมาสแรกของปีนี้ ธุรกิจดังกล่าวสร้างรายได้ 2,730 ล้านหยวน (ประมาณ 379 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เติบโต 67% เมื่อเทียบกับปีก่อน นอกจากนี้ BYD ยังมีแผนขยายสู่เทคโนโลยี "การเชื่อมต่อรถยนต์กับโครงข่ายไฟฟ้า" (V2G) อีกด้วย

ภายใต้แรงขับเคลื่อนจากนโยบาย เทคโนโลยี และโครงสร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรม BYD กำลังเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์การแข่งขันของอุตสาหกรรมยานยนต์โลกอย่างต่อเนื่อง อนาคตว่า BYD จะสามารถรักษาความเป็นผู้นำท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดได้หรือไม่ ยังคงเป็นเรื่องที่น่าจับตามอง