รัฐบาลอินเดียเปิดตัว "การห้ามรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง" ภายในปี 2035 จะห้ามการลงทะเบียนรถใหม่ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง

【PCauto】เพื่อรับมือกับปัญหามลพิษทางอากาศที่รุนแรงในกรุงเดลีและพื้นที่โดยรอบ รัฐบาลอินเดียได้ประกาศในเดือนเมษายน 2025 ว่าจะผลักดันนโยบายห้ามใช้รถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง โดยมีแผนยุติการใช้รถยนต์เบนซินและดีเซลทั้งหมดภายในปี 2035 และเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) รถยนต์ไฮบริด และรถยนต์ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติอัด (CNG) แทน

เขตเมืองหลวงเดลี (NCR) ถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่นำร่องในการบังคับใช้นโยบาย โดยจะขยายผลไปยังเมืองใกล้เคียงอย่างคุร์เคาน์และเกาตัมพุทธนครในลำดับถัดไป มาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยมลพิษจากยานพาหนะ และวางแนวทางที่ชัดเจนสำหรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของอินเดีย

ตั้งแต่ปลายปี 2025 เป็นต้นไป เดลีจะอนุญาตให้จดทะเบียนเฉพาะรถโดยสารสาธารณะที่ขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิงสะอาด ได้แก่ รถยนต์ไฟฟ้า ไฮบริด และ CNG โดยมาตรการนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการดำเนินนโยบายในทางปฏิบัติ พร้อมส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของสาธารณชนผ่านบทบาทของระบบขนส่งมวลชน

รถสามล้อและรถบรรทุกขนาดเล็กต้องดำเนินการเปลี่ยนแปลงพลังงานภายในปี 2026-2027 ผู้กำหนดนโยบายเชื่อว่ารถเชิงพาณิชย์ที่มีการใช้งานสูงเป็นแหล่งมลพิษหลัก การควบคุมที่มีเป้าหมายเพื่อยานพาหนะเหล่านี้สามารถลดการปล่อยมลพิษได้อย่างรวดเร็ว

รถยนต์ส่วนบุคคลและจักรยานยนต์จะถูกจำกัดในช่วงระหว่างปี 2030 ถึง 2035 โดยจะมีการจำกัดการลงทะเบียนรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาดเท่านั้น รถแท็กซี่เชิงพาณิชย์อาจได้รับระยะเวลาเปลี่ยนผ่านที่ยาวนานขึ้น เนื่องจากเกี่ยวข้องกับต้นทุนการดำเนินงานและการดำรงชีพของคนขับ แต่ต้องสอดคล้องกับแผนของรัฐบาล

รัฐบาลอินเดียได้เปิดตัวนโยบายสนับสนุนหลายประการ ได้แก่ การห้ามรถบรรทุกที่มีมาตรฐานการปล่อยมลพิษต่ำกว่า BS VI เข้าสู่เมืองเดลี ซึ่งจะมีผลภายในหนึ่งปี และการเสริมสร้างการควบคุมและการประสานงานการป้องกันมลพิษในระดับภูมิภาค โดยจะขยายขอบเขตการบังคับใช้จากเดลีไปยังเมืองใกล้เคียง

อย่างไรก็ตาม การดำเนินนโยบายนี้เผชิญกับความท้าทายที่สำคัญ การมีสถานีชาร์จไฟและสถานีเติมก๊าซ CNG ในอินเดียยังไม่เพียงพอ โดยเฉพาะในเมืองระดับสองและสาม ซึ่งอาจทำให้กระบวนการเปลี่ยนแปลงล่าช้า นอกจากนี้ รถยนต์น้ำมันทั่วไปที่มีต้นทุนต่ำและการบำรุงรักษาง่ายยังคงครองตลาด และรถยนต์พลังงานสะอาดอาจไม่สามารถทดแทนได้ในระยะสั้น อีกทั้งแรงงานในอุตสาหกรรมยานยนต์ดั้งเดิมอาจเผชิญกับความเสี่ยงจากการตกงาน ขณะเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงเป็นยานยนต์ไฟฟ้าต้องใช้การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมาก