Mazda 3 ดูดี แต่ไม่ตอบโจทย์? เผยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยอดขายไม่ดี
ธนวัฒน์Sep 10, 2024, 05:28 PM
ในฐานะที่เป็นรุ่นหลักของแบรนด์ Mazda นั้น Mazda 3 เป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคจำนวนมากมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางการเติบโตของตลาดยานยนต์ไฟฟ้า Mazda 3 ไม่สามารถทำผลงานได้ดีนักทั้งในตลาดจีนและไทย Mazda ยอมรับว่าการสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดในจีนและไทยเป็นผลมาจากความนิยมที่เพิ่มขึ้นของรถยนต์ไฟฟ้า โดยยอดขายในจีนลดลงถึง 8% ในปี 2023 สถานการณ์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยิ่งรุนแรงมากขึ้น ยอดขายของ Mazda ลดลงถึง 17% เนื่องจากผลการดำเนินงานที่ไม่ดีในประเทศไทย ซึ่งเป็นตลาดสำคัญที่สุดของ Mazda ในภูมิภาคนี้
เหตุใด Mazda 3 จึงเคยได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม แต่ยอดขายกลับลดลงอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน อาจเกี่ยวข้องกับปัจจัยเหล่านี้
Mazda 3 มีดีไซน์ภายนอกที่โดดเด่นด้วยสไตล์สปอร์ต ซึ่งดึงดูดสายตาของผู้บริโภคกลุ่มวัยรุ่นบางกลุ่ม ผู้ใช้บางรายชื่นชมในดีไซน์ที่ไม่เหมือนใครและมีความเคลื่อนไหวที่โดดเด่น แต่ในขณะเดียวกัน ผู้บริโภคอีกกลุ่มหนึ่งกลับมองว่า สไตล์การออกแบบนั้นเกินความพอดีและไม่สอดคล้องกับความงามที่เรียบง่ายและกลมกลืนในแบบที่พวกเขาต้องการ
การออกแบบภายในของ Mazda 3 ก็มีปัญหาบางประการเช่นกัน ประการแรก การจัดวางภายในแม้จะดูเรียบง่ายและสวยงาม แต่กลับขาดความรู้สึกทันสมัยและความหรูหรา ยกตัวอย่างเช่น รุ่นบางรุ่นมีหน้าจอกลางที่ไม่รองรับการสัมผัส ทำให้การใช้งานไม่สะดวกและส่งผลต่อประสบการณ์ของผู้ใช้ นอกจากนี้ วัสดุและงานประกอบภายในยังควรได้รับการพัฒนา ผู้บริโภคบางรายมองว่าคุณภาพการตกแต่งภายในยังไม่ดีพอเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน
ปัญหาเรื่องพื้นที่ถือเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ Mazda 3 มียอดขายไม่ดีในตลาดทั่วโลก เนื่องจากการออกแบบที่เน้นการควบคุมและความสปอร์ต ทำให้ Mazda ต้องลดพื้นที่ห้องโดยสารลง ส่งผลให้พื้นที่เบาะหลังค่อนข้างแคบ ไม่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการพื้นที่กว้างขวาง นอกจากนี้ พื้นที่เก็บของท้ายรถก็ยังไม่สามารถเทียบเท่ากับรถในระดับเดียวกัน ซึ่งยิ่งส่งผลต่อความสนใจในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค
การขับขี่ของ Mazda 3 ได้รับการยอมรับในระดับหนึ่งจากผู้บริโภค เนื่องจากมีสมรรถนะการควบคุมที่ดีและให้ความสนุกสนานในการขับขี่ อย่างไรก็ตาม ข้อเสียที่ตามมาคือความสะดวกสบายในการนั่ง ผู้บริโภคบางส่วนรายงานว่าช่วงล่างของ Mazda 3 ค่อนข้างแข็ง และการเก็บเสียงไม่ดี ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าหากต้องขับขี่ระยะทางไกล
ปัจจัยเรื่องแบรนด์ก็มีส่วนในการส่งผลต่อยอดขายของ Mazda 3 เช่นกัน เมื่อเทียบกับแบรนด์ญี่ปุ่นอื่น ๆ อย่าง Toyota และ Honda ที่มีความนิยมสูงกว่า Mazda จึงมีชื่อเสียงน้อยกว่าและมีอิทธิพลในตลาดจำกัด ซึ่งทำให้ผู้บริโภคบางกลุ่มเลือกแบรนด์ที่มีชื่อเสียงมากกว่า นอกจากนี้ Mazda ยังมีการลงทุนด้านโฆษณาและการตลาดที่น้อยเกินไป ทำให้ไม่สามารถแสดงจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ได้อย่างเต็มที่
สรุปแล้ว ยอดขายที่ไม่ดีของ Mazda 3 มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ทั้งการออกแบบ ภายใน พื้นที่ใช้สอย ความรู้สึกในการขับขี่ ไปจนถึงปัจจัยด้านแบรนด์ Mazda จำเป็นต้องปรับปรุงในหลายด้านเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในประเทศมากขึ้น ในอนาคต Mazda ควรให้ความสำคัญกับการวิจัยตลาดและรับฟังข้อเสนอแนะจากผู้บริโภคมากขึ้น พร้อมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ที่ตรงกับความต้องการของตลาด เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดต่อไป
คุณสามารถติดต่อเราให้ลบออกเนื้อหาถ้าละเมิดลิขสิทธิ์
GEELY EX5 ออกสู่ตลาด ราคาเริ่มต้นที่ 859,000 บาท เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า BYD Atto 3
ถึงแม้ว่าในปีนี้อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยจะซบเซาลง แต่หากไม่นับรวม BYD Dolphin อันดับยอดขายของ BYD Atto 3 ก็ไม่ตกลงเลย อีกทั้งในปี 2023 BYD Atto 3 เคยครองตำแหน่งยอดขายอันดับหนึ่งติดต่อกันถึง 8 เดือน โดยมียอดขายรวมในช่วง 9 เดือนแรกแตะ 15,924 คัน สถานการณ์เช่นนี้จึงไม่อาจหลีกเลี่ยงสายตาของบริษัทรถยนต์จีนอื่น ๆ อย่าง GAC Aion Y Plus และ NETA X
BYD ATTO 2จะเปิดตัวในยุโรปในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ราคาจะถูกกว่า ATTO 3
BYD ATTO 2 มีกำหนดเปิดตัวในยุโรปในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 โดยจะมีการเปิดตัวครั้งแรกที่งาน Brussels Motor Show ในเดือนมกราคม อาจมีการนำเข้าสู่ตลาดไทยโดยที่ราคาของ ATTO 2 จะต่ำกว่า ATTO 3 และใกล้เคียงกับ BYD Dolphin ดีไซน์ภายนอกของ ATTO 2 คล้ายกับรุ่นที่จำหน่ายในจีน โดยมีขนาดตัวถังยาว 4310 มม. กว้าง 1830 มม. สูง 1675 มม. และระยะฐานล้อ 2620 มม. ซึ่งเหมาะสมกับสภาพถนนในตลาดไทยและให้ความสะดวกสบายพร้อมความคล่องตัว ด้านการตกแต่งภายใน ATTO 2 ยังคงดีไซน์ที่เรียบง่ายและทันสมัยของ BYD โดยติดตั้งหน้าจอสัมผัสขนา
BYD อย่างเป็นทางการลดราคาต่อเนื่อง,ควรเลือกSealion 7 หรือ Xpeng G6?
วันนี้ซื้อ BYD พรุ่งนี้ลดราคา นี่คือเหตุผลหลักที่หลายคนไม่กล้าซื้อรถ BYD ทำให้บางคนเปลี่ยนใจไปสนใจ Xpeng G6 แทน G6 ต่างจาก BYD Sealion 7 เพราะมาจากแบรนด์ใหม่อย่าง Xpeng จึงมีดีไซน์ที่แหวกแนวจากรถยนต์แบบดั้งเดิม ด้านหน้ามีไฟกลางวันเส้นบาง ดูล้ำยุคมาก ขับ G6 ไปกับเพื่อน เชื่อว่าจะสร้างบทสนทนาได้มากขึ้น
อนาคตของรถยนต์ไฟฟ้าของ Toyota กำลังเป็นปริศนา ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีไฮบริดในรอบ 30 ปีจะกลายเป็นเพียงเงา
ท่ามกลางสถานการณ์ตลาดรถยนต์ที่ยากลำบาก Noriaki Yamashita ผู้บริหารโตโยต้า ประเทศไทย ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวโดยเรียกร้องให้รัฐบาลเพิ่มการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า แต่ความมุ่งมั่นของโตโยต้าในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าดูเหมือนจะไม่แข็งแกร่งเท่าที่นายโนริอากิ ยามาชิตะแสดงออกไว้ ขณะนี้ โตโยต้ามีการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าล้วน (BEV) เพียงรุ่นเดียวคือ bZ4X ซึ่งยังคงอยู่ในสถานะขาดตลาด ส่วนรุ่น HEV นั้นยังคงใช้เทคโนโลยี THS โดยไม่มีสัญญาณของการพัฒนาไปสู่ระบบไฟฟ้าที่มากขึ้น
"BYD SEALION 7 ไทยแลนด์ Motor Expo 2024 โดดเด่น: คุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา, มีการตั้งค่าที่หลากหลาย!"
นิทรรศการรถยนต์ Motor Expo 2024 ในประเทศไทยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายนถึง 10 ธันวาคม 2567 มีแบรนด์รถยนต์มากมายเข้าร่วมในงานครั้งนี้ โดยผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนที่ทำให้คนรู้จักกันอย่างเช่น BYD ได้รับความสนใจอย่างมาก BYD จะร่วมมือกับ DENZA ในบูธ A06 ในงานดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะนำเสนอ BYD SEALION 7 อีกครั้ง ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงรุ่นรถยนต์นี้BYD SEALION 7 มีสองรุ่นให้เลือกในประเทศไทย ในราคาระหว่าง THB 1,149,900 ถึง 1,249,900 คู่แข่งหลักที่ BYD SEALION 7 ต้องเผชิญคือ Tesla Model Y และ Xpeng G6
รถยอดนิยม
เปรียบเทียบรถยนต์
รูปภาพรถ
ภาพภายใน