SAIC Motor จัดตั้งบริษัทแชสซีอัจฉริยะ เป็นเทรนด์แห่งอนาคตหรือไม่?

【PCauto】MG IM6 ได้รับคำสั่งซื้อ 1,360 รายการหลังจากเปิดตัวในประเทศไทย ถือเป็นรุ่นที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก IM6 ไม่เพียงแต่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคในไทยเท่านั้น แต่ยังได้รับคำชมในตลาดประเทศอื่น ๆ อีกด้วย

ความนิยมที่ได้รับเกิดจากแพลตฟอร์มแชสซีอัจฉริยะของ IM6 ซึ่งได้รับคำชื่นชมอย่างมากจากนักขับมืออาชีพที่ได้สัมผัสสมรรถนะของรุ่นนี้

ในบริบทนี้ บริษัทแม่ของ IM6 อย่าง SAIC Motor (Shanghai Automotive Group Co., Ltd) มีแผนจัดตั้งบริษัทแพลตฟอร์มแชสซีอัจฉริยะในอนาคตอันใกล้นี้

โดยเฉพาะ SAIC Motor มีแผนที่จะรวมบริษัทลูกหลายแห่งของ Huayu Automotive เข้าด้วยกันเพื่อจัดตั้งบริษัทแพลตฟอร์มแชสซีอัจฉริยะขึ้นใหม่ Huayu Automotive ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของ SAIC Motor มีขอบเขตธุรกิจที่กว้างขวาง ครอบคลุมชิ้นส่วนสำคัญต่างๆ เช่น แผงหน้าปัดรถยนต์ แผงประตู ชิ้นส่วนโครงสร้างแชสซี เพลาขับ และระบบเบรก

SAIC Motor ถือครองหุ้นส่วนใหญ่ใน Huayu Automotive โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 เพียงปีเดียว SAIC Motor สร้างรายได้หลักถึง 38% ให้กับ Huayu Automotive การรวมตัวในครั้งนี้ถือเป็นการใช้ทรัพยากรที่มีอย่างเต็มประสิทธิภาพของ SAIC Motor และเป็นก้าวสำคัญในการมุ่งแก้ปัญหาทางเทคโนโลยีในด้านแชสซีอัจฉริยะ

ขณะเดียวกัน มาตรการรวมกิจการของ SAIC Motor หลายอย่างก็กำลังดำเนินการไปพร้อมกัน ในช่วงกลางเดือนนี้ บริษัทซอฟต์แวร์ในเครือ Z-ONE Technology และสำนักงานใหญ่ด้านนวัตกรรมการวิจัยและพัฒนาของ SAIC Motor ได้รวมตัวกันเป็นที่เรียบร้อย โดยทีมงานด้านระบบขับขี่อัจฉริยะได้มารวมกันทำงานในสำนักงานเดียวกัน เพื่อผลักดันการวิจัยและพัฒนาให้ก้าวไปข้างหน้า พร้อมสร้างระบบเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะที่ทรงพลังยิ่งขึ้น

ทคโนโลยีแชสซีอัจฉริยะไม่ได้เป็นเพียงแนวทางของ SAIC Motor เท่านั้น แต่ยังเป็นแนวโน้มของอุตสาหกรรม

CATL ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายแบตเตอรี่พลังงานระดับโลก ได้พัฒนาเทคโนโลยีแชสซีอัจฉริยะ CIIC ซึ่งมีแบตเตอรี่เป็นศูนย์กลาง ในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว CATL ได้เปิดตัว Bedrock Chassis ซึ่งเป็นแชสซีแบบสเก็ตบอร์ดที่รวมมอเตอร์ ระบบควบคุมไฟฟ้า พวงมาลัย เบรก และระบบกันสะเทือนไว้ในแชสซีแยกอิสระก่อนการประกอบตัวถัง ช่วยให้โครงสร้างตัวถังและแชสซีแยกออกจากกันได้อย่างสมบูรณ์

นอกจากนี้ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากสหรัฐอเมริกาอย่าง Rivian ยังได้นำเทคโนโลยีแชสซีอัจฉริยะมาใช้ในการผลิตรถกระบะของตนเองอย่างเป็นรูปธรรม โดยรุ่นต่าง ๆ เช่น R1T มาพร้อมกับฮาร์ดแวร์แชสซีที่มีสเปกสูง รวมถึงมอเตอร์ที่ทรงพลังหลายตัว และระบบช่วงล่างแบบถุงลมที่มีช่วงการเคลื่อนที่ในแนวตั้งที่กว้าง รวมถึงระบบบังคับเลี้ยวล้อหลัง และด้วยการผสมผสานของอัลกอริธึมต่าง ๆ ทำให้รถยนต์ของ Rivian มีความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดได้อย่างยอดเยี่ยม

SAIC Motor จัดตั้งบริษัทแพลตฟอร์มแชสซีอัจฉริยะ โดยมีเป้าหมายเพื่อศึกษาระบบควบคุมรถยนต์และมาตรฐานความปลอดภัยให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ซึ่งความสำเร็จของ IM6 ก็เป็นเครื่องยืนยันว่า แนวทางนี้จะกลายเป็นหนึ่งในแนวโน้มสำคัญของการพัฒนารถยนต์ในอนาคต