ประหยัดน้ำมันได้ 2 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร! ทำตาม 5 พฤติกรรมดีๆ เหล่านี้ เป็นเคล็ดลับในการขับขี่ประหยัด
ธนวัฒน์Sep 09, 2024, 10:11 AM
ในยุคที่ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการประหยัดค่าใช้จ่าย การลดการใช้น้ำมันของรถยนต์กลายเป็นเรื่องที่ทุกคนให้ความสนใจ ไม่ว่าจะเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายหรือเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การรู้เทคนิคในการลดการใช้น้ำมันจึงเป็นสิ่งสำคัญ การมี “ขาทอง” ที่ใช้ได้ดีสามารถประหยัดน้ำมันได้มากกว่า 2 ลิตรต่อ 100 กม. ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวอย่างมาก แล้วเราจะทำอย่างไรเพื่อสร้างนิสัยที่ช่วยประหยัดน้ำมันได้
1. การขับขี่: หลีกเลี่ยงการเร่งและเบรกอย่างกระทันหัน ขับขี่อย่างราบรื่น
นิสัยการขับขี่เป็นปัจจัยที่มีผลโดยตรงต่อการใช้น้ำมัน การหลีกเลี่ยงการเร่งความเร็วและเบรกอย่างกระทันหัน การขับขี่ด้วยความเร็วคงที่จะช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันได้อย่างมาก ในการออกตัว ให้เหยียบคันเร่งเบาๆ เพื่อให้รถเร่งความเร็วอย่างช้าๆ; ขณะขับขี่ ให้คาดการณ์สถานการณ์ถนนล่วงหน้า และควบคุมความเร็วและจังหวะการเบรกอย่างเหมาะสม เพื่อลดการสูญเสียพลังงานที่ไม่จำเป็น นอกจากนี้ การใช้เกียร์อย่างเหมาะสมก็สำคัญ เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานในช่วงที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
2. การบำรุงรักษารถ: ตรวจสอบเป็นประจำ รักษาสภาพที่ดีที่สุด
สภาพดีของรถเป็นพื้นฐานในการลดการใช้น้ำมัน การบำรุงรักษารถอย่างสม่ำเสมอ การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง, ฟิลเตอร์อากาศ และชิ้นส่วนที่สึกหรออื่นๆ สามารถช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างราบรื่น ลดแรงเสียดทาน และลดการใช้น้ำมันได้ นอกจากนี้ การรักษาความดันลมยางให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมก็สำคัญเช่นกัน ความดันลมยางที่ต่ำเกินไปจะเพิ่มแรงต้านการหมุนล้อ ส่งผลให้น้ำมันสิ้นเปลืองเพิ่มขึ้น ขณะที่ความดันลมยางที่สูงเกินไปจะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในการขับขี่
3. การใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะ: เทคโนโลยีช่วยประหยัดน้ำมัน
ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี เทคโนโลยีอัจฉริยะที่นำมาใช้ในรถยนต์ได้มีการพัฒนาและสามารถช่วยลดการใช้น้ำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) ที่สามารถปรับความเร็วของรถตามความเร็วของรถคันหน้า ลดการเร่งและเบรกที่ไม่จำเป็น; ระบบหยุด-เริ่มอัตโนมัติ (Auto Start-Stop System) ที่ปิดเครื่องยนต์ขณะรถหยุดนิ่งและเริ่มต้นใหม่เมื่อจำเป็น ช่วยลดการใช้น้ำมันในช่วงที่รถหยุดนิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ รถยนต์รุ่นสูงยังมีระบบการฟื้นฟูพลังงาน (Energy Recovery System) ที่สามารถเก็บพลังงานที่ได้จากการเบรกและนำไปใช้ในภายหลัง เจ้าของรถสามารถใช้เทคโนโลยีเหล่านี้เพื่อให้การขับขี่สะดวกสบายและประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น
4.การปรับสภาพภายนอก: หลีกเลี่ยงการจราจรติดขัด และหลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่มีการจราจรหนาแน่น
สภาพภายนอกก็มีผลต่อการใช้น้ำมันเช่นกัน หากเป็นไปได้ ให้จอดรถในที่ร่มหรือในที่มีอากาศเย็น เพื่อลดการสัมผัสกับอุณหภูมิสูงหรือต่ำเกินไป ซึ่งสามารถลดพลังงานที่รถต้องใช้ในการรักษาอุณหภูมิที่เหมาะสม นอกจากนี้ ในขณะขับขี่ควรหลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีการจราจรติดขัดและช่วงเวลาที่มีการจราจรหนาแน่น การเลือกเส้นทางที่ราบรื่นจะช่วยลดการใช้น้ำมันได้
5.ยุทธศาสตร์การเติมน้ำมัน/ชาร์จไฟ: วางแผนอย่างมีเหตุผล ลดการสูญเสีย
สำหรับรถยนต์ที่ใช้พลังงานน้ำมัน การวางแผนการเติมน้ำมันก็มีความสำคัญเช่นกัน การเลือกสถานีเติมน้ำมันที่มีคุณภาพและน้ำมันที่เหมาะสมเป็นกุญแจในการลดการใช้น้ำมัน ควรรักษาสถานะน้ำมันในถังให้อยู่ที่ครึ่งหนึ่งอยู่เสมอ ซึ่งช่วยลดการใช้น้ำมัน เนื่องจากถังน้ำมันที่เต็มเกินไปอาจทำให้รถมีน้ำหนักมากขึ้น ซึ่งจะเพิ่มการใช้พลังงานในบางระดับ สำหรับรถยนต์ไฮบริด ควรให้ความสำคัญกับการชาร์จไฟให้เหมาะสม การชาร์จบ่อย ๆ และการใช้ไฟฟ้าที่เก็บได้ในการขับขี่จะช่วยลดการใช้น้ำมันได้
โดยรวมแล้ว การลดการใช้น้ำมันต้องเริ่มจากหลายด้านรวมถึงพฤติกรรมการขับขี่ การบำรุงรักษารถยนต์ การใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะ การปรับสภาพภายนอก และยุทธศาสตร์การเติมน้ำมัน/ชาร์จไฟ เพียงแค่เราคำนึงถึงและบำรุงรักษารถอย่างใส่ใจในชีวิตประจำวัน ก็สามารถทำให้การใช้พลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
คุณสามารถติดต่อเราให้ลบออกเนื้อหาถ้าละเมิดลิขสิทธิ์

Jaecoo J7 PHEV จะเปิดตัวในเดือนมีนาคมในประเทศไทย, SUV นี้เป็นอัศจรรย์ของยอดขายในมาเลเซีย
【PCauto】Jaecoo J7 PHEV จะเปิดตัวในเดือนมีนาคมที่ประเทศไทย และจะเป็นรถรุ่นที่สามที่ Chery Automobile นำเสนอในตลาดไทย ก่อนหน้านี้ Omada C5 EV และ Jaecoo J6 EV ประสบปัญหาที่ยากลำบากในตลาดไทย เนื่องจากสภาพตลาดรถยนต์โดยรวมที่หดตัวและความต้องการซื้อรถที่ลดลง อีกทั้งในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) BYD ครองส่วนแบ่งการตลาดเกือบทั้งหมด จึงเหลือพื้นที่ตลาดน้อยสำหรับ Omada C5 EV และ Jaecoo J6 EV ท่ามกลางความยากลำบาก Chery Automobile หวังว่าจะพึ่งพา Jaecoo J7 PHEV ซึ่งเป็น SUV รุ่นสำคัญในการพลิกสถานการณ์

กลยุทธ์ใหม่ของ BYD ในการเพิ่มยอดขายในปี 2025 คือติดตั้งระบบขับขี่อัจฉริยะ DiPilot ในรถยนต์ทุกรุ่น
【PCauto】BYD สามารถทำยอดขายทั่วโลกในปี 2024 ได้อย่างก้าวกระโดด โดยมียอดขายรวมทั้งสิ้น 4.27 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 41.26% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ในส่วนของยอดขายนอกประเทศจีน BYD มียอดขาย 417,000 คัน เพิ่มขึ้น 71.9% ในประเทศไทย BYD สามารถทำยอดขายได้ 27,005 คัน ทำให้ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 5 แม้ว่าในปีที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์รถยนต์ในประเทศจะลดลงทั้งหมด แต่ BYD สามารถลดการหดตัวได้เพียง 11.3% (เทียบกับ Toyota ที่ลดลง 17.1%) ซึ่งทำให้ตำแหน่งของตนสูงขึ้นเป็นอันดับที่ 5 สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการลดราคาบ่อยครั้งของ BYD

Mitsubishi Xforce HEV กำลังจะวางจำหน่ายในประเทศไทย และเริ่มการแข่งขันกับ Yaris Cross
【PCauto】Toyota Yaris Cross HEV ผลิตและเปิดตัวในประเทศตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023 และได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ในปี 2024 Yaris Cross ครองอันดับหนึ่งในยอดขาย SUV กลุ่ม C-Segment ด้วยยอดขาย 35,500 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 37.1% ในเดือนเมษายน 2024 ยังคงนำเป็นอันดับหนึ่งด้วยยอดขาย 3,004 คัน และส่วนแบ่งตลาด 40.7% ไม่เพียงแค่ในกลุ่ม SUV เท่านั้น แต่ในเดือนมิถุนายน 2024 Yaris Cross ยังขึ้นสู่อันดับที่ 4 ในยอดขายรถยนต์ใหม่โดยรวมของประเทศไทย

Toyota ได้เปิดตัว SUV ไฟฟ้าสุดท้าทายในประเทศจีน ราคาถูกกว่า BYD
【PCauto】Toyota bZ3X เปิดตัวในตลาดจีน โดยมีราคาจำหน่ายระหว่าง 10.98 หมื่นถึง 15.98 หมื่นหยวน หรือประมาณ 511,100 - 743,800 บาท มาในรูปแบบ SUV ขนาด C-Segment โดยมีระยะฐานล้อ 2765 มม. ความยาว 4600 มม. ความกว้าง 1850 มม. และความสูง 1645 มม. ซึ่งใกล้เคียงกับรุ่นอื่นๆ เช่น BYD Song Plus, GWM HAVAL H6 และ iCar 03 โดยราคาของ Toyota bZ3X ยังใกล้เคียงกับรุ่นเหล่านี้หรือบางครั้งอาจต่ำกว่า

Hyundai เตรียมเปิดตัวสายการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าแบบ All-Solid-State ใครกันที่นำหน้าอยู่?
【PCauto】มีรายงานข่าวว่า Hyundai เตรียมเปิดตัวสายการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าแบบ All-Solid-State ในเดือนหน้า โดยพิธีเปิดจะจัดขึ้นที่ศูนย์วิจัยแบตเตอรี่รุ่นใหม่ในเมืองอึยวัง ประเทศเกาหลีใต้ สายการผลิตนี้จะถูกใช้เป็นโครงการนำร่องสำหรับการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าแบบ All-Solid-State ที่เรียกว่า ‘Dream’
รถยอดนิยม
เปรียบเทียบรถยนต์
รูปภาพรถ
ภาพภายใน