จำนวนรถที่นำเข้ามาในประเทศจีนลดลงอย่างรุนแรง ลดลงถึง 39%

【PCauto】ตั้งแต่ปี 2017 ยอดนำเข้ารถยนต์ของจีนเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่องโดยในปีนั้นตลาดยังมียอดนำเข้าถึง 12.4 แสนคันแต่ในช่วงหลายปีถัดมาได้ลดลงเฉลี่ยปีละประมาณ 8 เปอร์เซ็นต์

จนถึงปี 2023 ยอดรวมลดลงเหลือเพียง 8 แสนคันแนวโน้มนี้ไม่ได้หยุดลงในปี 2024 กลับรุนแรงขึ้นโดยยอดนำเข้าทั้งปีอยู่ที่ 7 แสนคันลดลงจากปีก่อน 12 เปอร์เซ็นต์

เข้าสู่ปี 2025 ตลาดรถยนต์นำเข้าของจีนยังไม่ฟื้นตัวโดยในช่วงสามเดือนแรกของปีมียอดนำเข้าเพียง 9.5 หมื่นคันลดลงถึง 39 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งเป็นการลดลงที่รุนแรงอย่างยิ่งในไตรมาสแรกของรอบหลายปี

ในมุมมองด้านประเทศต้นทางการนำเข้าในไตรมาสแรกของปี 2025 จีนนำเข้ารถยนต์จากญี่ปุ่นเยอรมนีและสโลวาเกียมากที่สุดโดยมียอดนำเข้า 3.05 หมื่นคัน 2.37 หมื่นคันและ 1.77 หมื่นคันตามลำดับ

ญี่ปุ่นลดลงจากปีก่อน 32 เปอร์เซ็นต์เยอรมนีลดลง 35 เปอร์เซ็นต์ขณะที่สโลวาเกียเป็นประเทศเดียวในอันดับต้นที่มียอดเพิ่มขึ้นร้อยละ 12

ประเทศอื่นเช่นสหรัฐมียอดนำเข้าลดลง 67 เปอร์เซ็นต์เหลือ 0.89 หมื่นคันสหราชอาณาจักรลดลง 44 เปอร์เซ็นต์เหลือ 0.84 หมื่นคันในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมายอดนำเข้ารถยนต์จากสหรัฐไปจีนลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 2.8 แสนคันในปี 2017 เหลือ 1.09 แสนคันในปี 2024 และยังคงลดลงต่อเนื่องในปี 2025

นอกจากนี้ยอดนำเข้าจากเม็กซิโกสวีเดนออสเตรียเกาหลีใต้และอิตาลีก็ลดลงเช่นกันโดยลดลง 4 เปอร์เซ็นต์ 69 เปอร์เซ็นต์ 59 เปอร์เซ็นต์ 89 เปอร์เซ็นต์และ 64 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ

ด้านแบรนด์รถยนต์ในไตรมาสแรกปี 2025 แบรนด์หรูที่มียอดนำเข้าสูงสุดสามอันดับแรกคือ Lexus Benz และ BMW โดยมียอดรวม 4.09 หมื่นคัน 2.90 หมื่นคัน และ 1.63 หมื่นคันตามลำดับลดลงจากปีก่อน 1 เปอร์เซ็นต์ 14 เปอร์เซ็นต์ และ 66 เปอร์เซ็น

Land rover Audi และ Porsche ตามมาโดยมียอดนำเข้า 1 หมื่นคัน 0.9 หมื่นคัน และ 0.85 หมื่นคันตามลำดับลดลง 13 เปอร์เซ็นต์ 41 เปอร์เซ็นต์ และ 38 เปอร์เซ็นต์

Volvo MINI Jaguar และ Lincoln ลดลง 25 เปอร์เซ็นต์ 57 เปอร์เซ็นต์ 86 เปอร์เซ็นต์ และ 99 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ

ในกลุ่มแบรนด์ซูเปอร์ลักซ์ชัวรี Bentley มียอดสูงสุดที่ 496 คันลดลง 26 เปอร์เซ็นต์ Ferrari และ Rolls royce ตามมาที่ 182 คันและ 179 คันลดลง 16 เปอร์เซ็นต์ และ 31 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ Maserati Lamborghini และ Aston Martin มียอดนำเข้า 167 คัน 100 คัน และ 87 คัน McLaren แม้ยอดเพิ่มขึ้น 117 เปอร์เซ็นต์แต่ทั้งไตรมาสมียอดเพียง 13 คัน

ในด้านรุ่นรถ Lexus ES ยังครองอันดับหนึ่งในตลาดจีนด้วยยอดขาย 25166 คัน Lexus RX และ Lexus NX ติดอันดับห้าด้วยยอด 8177 คัน และ 4238 คันตามลำดับ Benz GLE อยู่ในอันดับสองด้วยยอดขาย 9873 คัน

ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของตลาดผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าการชะลอตัวของตลาดรถยนต์นำเข้าเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดรถยนต์จีนโดยรวมหนึ่งในปัจจัยสำคัญคือคุณภาพของแบรนด์รถยนต์ท้องถิ่นที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องทำให้ผู้บริโภคหันมาเลือกใช้รถยนต์จีนที่มีความคุ้มค่ามากขึ้น

เช่นแบรนด์อย่าง BYD และ NIO ได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมที่มาพร้อมเทคโนโลยีแบตเตอรี่ล้ำสมัยระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะและดีไซน์ทันสมัยดึงดูดผู้บริโภคจำนวนมากและแบ่งส่วนตลาดจากรถหรูนำเข้าแบบดั้งเดิม

นอกจากนี้ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนและการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางการค้าระหว่างประเทศยังส่งผลกระทบต่อตลาดรถนำเข้าของจีนอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวนและการปรับภาษีนำเข้าส่งผลให้ต้นทุนรถนำเข้าสูงขึ้นและลดความสามารถในการแข่งขันในตลาด

ตัวอย่างเช่นในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 จีนได้ปรับเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าบางประเภทจากสหรัฐโดยเฉพาะรถยนต์ขนาดใหญ่และรถกระบะซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 34 เปอร์เซ็นต์ของหมวดสินค้ารถยนต์ทำให้ต้นทุนรถนำเข้าจากสหรัฐเพิ่มสูงขึ้นประกอบกับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐที่ซับซ้อนมากขึ้นทำให้ยอดนำเข้าของแบรนด์สหรัฐอย่าง Ford และ GM ลดลงต่อเนื่อง

ในขณะที่ตลาดรถนำเข้าซบเซาการส่งออกรถยนต์ของจีนกลับเติบโตอย่างแข็งแกร่งโดยข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งประเทศจีนหรือ CAAM ระบุว่าในไตรมาสแรกปี 2025 ยอดส่งออกรถยนต์ของจีนอยู่ที่ 1.42 ล้านคันเพิ่มขึ้น 7.3 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีก่อนโดยรถยนต์พลังงานใหม่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนผู้ผลิตรถยนต์จีนอย่าง Chery BYD Saic Changan และ Geely มียอดส่งออกเกิน 1 แสนคันทั้งหมดโดย Chery ส่งออก 2.54 แสนคันคิดเป็น 17.9 เปอร์เซ็นต์ของยอดรวมอยู่อันดับหนึ่ง BYD ส่งออก 2.14 แสนคันเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

การที่การนำเข้าลดลงในขณะที่การส่งออกเพิ่มขึ้นสะท้อนให้เห็นว่าจีนได้เปลี่ยนบทบาทจากประเทศผู้นำเข้ารถยนต์กลายเป็นประเทศผู้ส่งออกรถยนต์