รัฐบาลทรัมป์ปรับเปลี่ยนกฎการรายงานอุบัติเหตุรถยน ไม่จำเป็นต้องรายงานในกรณีของอุบัติเหตุที่ไม่ร้ายแรง

【PCauto】เมื่อเร็วๆ นี้ กระทรวงคมนาคมสหรัฐฯ (NHTSA) ภายใต้การนำของทรัมป์ได้ปรับนโยบายที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ซึ่งอาจทำให้ Tesla เป็นผู้ได้รับประโยชน์มากที่สุด

ในช่วงรัฐบาลไบเดน เคยมีการกำหนดให้ผู้ผลิตรถยนต์และบริษัทเทคโนโลยีต้องรายงานอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบหรือบางส่วน

อย่างไรก็ตาม ทีมของทรัมป์ได้ทำการปรับเปลี่ยนกฎนี้ในหลายจุดสำคัญ

มีการลบข้อกำหนดที่ไม่จำเป็นและซ้ำซ้อนออกจากการรายงานอุบัติเหตุ แต่ยังคงรักษาภาระหน้าที่ของผู้ผลิตในการรายงานอุบัติเหตุสำหรับรถยนต์ที่ติดตั้งระบบช่วยขับขี่ขั้นสูง (ADAS) และระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ (ADS) ตามข้อกำหนดทั่วไป

กฎที่ปรับปรุงใหม่ยังอนุญาตให้มีการปฏิบัติบางอย่างที่ไม่สอดคล้องกับมาตรฐานความปลอดภัยของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ เช่น อนุญาตให้รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ไม่มีการติดตั้งกระจกมองหลังสามารถวิ่งบนถนนในสหรัฐฯ ได้

นอกจากนี้ กฎใหม่ยังอนุญาตให้ผู้ผลิตรถยนต์สามารถรวบรวมรายงานอุบัติเหตุเล็กน้อยเป็นรายเดือน และได้ปรับเพิ่มเกณฑ์การรายงานความเสียหายต่อทรัพย์สินในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ

สำหรับการปรับเปลี่ยนนโยบายครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมสหรัฐฯ Sean Duffy กล่าวว่า รัฐบาลตระหนักดีว่าการพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติเป็นการแข่งขันด้านนวัตกรรมที่มีความเสี่ยงสูง และกรอบนโยบายใหม่นี้มีเป้าหมายเพื่อลดขั้นตอนที่ยุ่งยากลงอย่างมาก พร้อมทั้งกำหนดมาตรฐานระดับชาติที่เป็นหนึ่งเดียวให้กับอุตสาหกรรม

ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ใช้ระบบกำกับดูแลด้านรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติที่แยกออกเป็นรายรัฐ และขาดความเป็นเอกภาพ การปรับนโยบายครั้งนี้จึงถือเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญในการกำหนดกฎเกณฑ์ระดับชาติสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ

เบื้องหลังการปรับเปลี่ยนครั้งนี้มีความซับซ้อน โดยย้อนกลับไปในเดือนธันวาคม 2024 เคยมีข้อมูลเอกสารแสดงว่า ทีมงานช่วงเปลี่ยนผ่านของทรัมป์มีความต้องการที่จะยกเลิกข้อกำหนดการรายงานข้อมูลอุบัติเหตุของรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ

ในเวลานั้น ข่าวดังกล่าวได้ก่อให้เกิดกระแสคาดเดาเกี่ยวกับแนวทางการกำกับดูแลอุตสาหกรรมนี้ในอนาคต และแม้ว่าการปรับเปลี่ยนล่าสุดของกระทรวงคมนาคมจะยังไม่ถึงขั้นยกเลิกข้อกำหนดการรายงานโดยสมบูรณ์ แต่ก็ถือได้ว่าเป็นการดำเนินตามแนวคิดบางส่วนของทีมงานช่วงเปลี่ยนผ่านในขณะนั้น

ที่ผ่านมา Musk ซีอีโอของ Tesla มักวิพากษ์วิจารณ์ข้อกำหนดการรายงานอุบัติเหตุของรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ โดยมองว่ากฎดังกล่าวมีความซับซ้อนเกินไปและไม่ยุติธรรม

นับตั้งแต่ NHTSA กำหนดกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องในปี 2021 Tesla ได้รายงานอุบัติเหตุไปยังหน่วยงานกำกับดูแลด้านความปลอดภัยของรัฐบาลกลางแล้วมากกว่า 1,500 ครั้ง ในจำนวนอุบัติเหตุที่มีผู้เสียชีวิต 45 กรณีที่ NHTSA ทำการสอบสวน พบว่า Tesla เกี่ยวข้องถึง 40 กรณี

Tesla มีการเก็บข้อมูลการชนแบบเรียลไทม์ที่บริษัทอื่นไม่ได้เก็บ อีกทั้งด้วยยอดขายที่สูง จำนวนรถที่วิ่งบนถนนมาก และความถี่ในการใช้งานระบบช่วยขับขี่ที่สูง ทำให้สัดส่วนการรายงานอุบัติเหตุของ Tesla มีโอกาสสูงกว่าผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นอย่างมาก

แม้แต่ NHTSA เองก็ได้ออกคำเตือนว่า ข้อมูลเหล่านี้ไม่ควรนำมาเปรียบเทียบความปลอดภัยระหว่างผู้ผลิตรถยนต์แต่ละราย เนื่องจากแต่ละบริษัทมีวิธีการเก็บข้อมูลอุบัติเหตุที่แตกต่างกัน

นอกจากนี้ กลุ่มพันธมิตรนวัตกรรมยานยนต์ (Alliance for Automotive Innovation) ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ส่วนใหญ่ ก็ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าข้อกำหนดดังกล่าวมีความยุ่งยากเกินไป

การปรับเปลี่ยนกฎการรายงานอุบัติเหตุของ NHTSA ในครั้งนี้ จึงอาจช่วยลดภาระของ Tesla ในด้านการรายงานอุบัติเหตุได้บ้าง

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกฝ่ายที่เห็นด้วยกับการปรับเปลี่ยนของ NHTSA ในครั้งนี้ องค์กรสาธารณะของสหรัฐฯ อย่าง ADAS แสดงความผิดหวังต่อการตัดสินใจของ NHTSA ที่เลือกผ่อนปรนข้อบังคับเกี่ยวกับรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติแทนที่จะเพิ่มความเข้มงวดในการกำกับดูแล

ADAS เห็นว่าการขยายขอบเขตการยกเว้นข้อบังคับอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็นอันตรายถึงชีวิต เพราะแม้เทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติจะมีศักยภาพในการพัฒนาอย่างมหาศาล แต่ในปัจจุบันยังคงมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยอยู่มาก การเก็บรวบรวมข้อมูลอุบัติเหตุอย่างละเอียดจึงเป็นวิธีสำคัญที่ช่วยให้หน่วยงานกำกับดูแลสามารถตรวจจับปัญหาได้อย่างทันท่วงที กระตุ้นให้บริษัทต่าง ๆ ปรับปรุงเทคโนโลยี และช่วยปกป้องความปลอดภัยบนท้องถนน

การปรับเปลี่ยนกฎระเบียบเกี่ยวกับรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติในครั้งนี้ ถือเป็นความพยายามของ NHTSA ในการหาจุดสมดุลระหว่างการส่งเสริมนวัตกรรมอุตสาหกรรมและการคุ้มครองความปลอดภัยในการจราจร แม้ว่าการผ่อนปรนบางข้อกำหนดจะช่วยเร่งการพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติและลดต้นทุนการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์สำหรับภาคธุรกิจได้ แต่ในอีกด้านหนึ่ง การลดความเข้มงวดในการกำกับดูแลก็อาจเพิ่มความเสี่ยงด้านความปลอดภัย และกระตุ้นให้เกิดความกังวลในสังคมเกี่ยวกับความปลอดภัยของเทคโนโลยีนี้