Q

porsche cayenne วิ่งเร็วแค่ไหน

ความเร็วสูงสุดของ Porsche Cayenne จะแตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่น โดยรุ่นมาตรฐาน Cayenne (3.0T V6) จะมีความเร็วสูงสุดประมาณ 245 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนรุ่นที่มีสมรรถนะสูงกว่าอย่าง Cayenne Turbo (4.0T V8) จะสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 286 กิโลเมตร/ชั่วโมง และรุ่น Cayenne Turbo S E-Hybrid ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริดจะมีความเร็วสูงสุดที่ 295 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งเกือบจะถึงขีดจำกัดของ SUV สมรรถนะสูง ข้อมูลเหล่านี้มาจากการทดสอบในสภาพแวดล้อมบนทางหลวง Autobahn ของเยอรมนีที่ไม่มีการจำกัดความเร็ว ในขณะที่ในประเทศไทยบนถนนปกติจะมีข้อจำกัดจากการจำกัดความเร็วตามกฎหมาย (โดยปกติจะจำกัดที่ 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง) และสภาพถนน ดังนั้นควรขับขี่โดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก ในแง่ของการเร่งความเร็ว ตัวอย่างเช่น Cayenne Turbo สามารถเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 3.9 วินาที นอกจากนี้ทุกรุ่นของ Cayenne ยังมีระบบ Porsche Active Suspension Management (PASM) และระบบเบรกสมรรถนะสูงที่มาพร้อมกันเพื่อให้มั่นใจในความมั่นคงและความปลอดภัยในขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง และหากต้องการประสิทธิภาพในการตอบสนองของพลังงานที่ดียิ่งขึ้น ยังสามารถเลือกติดตั้งชุด Sport Chrono เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบสนองของเครื่องยนต์
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto

Q&A ล่าสุด

Q
Volvo S60 เป็นรถสปอร์ตหรือไม่?
Volvo S60 ไม่สามารถนิยามได้ว่าเป็นรถสปอร์ตอย่างแท้จริง แม้ว่าจะมีสมรรถนะด้านความสปอร์ตในระดับหนึ่ง แต่การออกแบบโดยรวมจะเน้นความสมดุลระหว่างความสบายและความหรูหรามากกว่า S60 มอบกำลังขับเคลื่อนที่ยอดเยี่ยมและการควบคุมที่มีเสถียรภาพ เพียงพอต่อความต้องการการขับขี่แบบสปอร์ตในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับรถสปอร์ตโดยเฉพาะแล้ว สมรรถนะในสภาวะขับขี่แบบสุดขั้วอาจยังมีข้อจำกัด โดยรวมแล้ว S60 ถือเป็นรถที่สามารถสร้างสมดุลได้ดีระหว่างความสบายและความสปอร์ต
Q
Volvo S60 เป็นรถที่เงียบหรือไม่?
Volvo S60 มีจุดเด่นในด้านการเก็บเสียงและลดเสียงรบกวน ด้วยการใช้เทคโนโลยีและวัสดุเก็บเสียงขั้นสูงหลายชนิด จึงสามารถลดระดับเสียงภายในห้องโดยสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะขับขี่ในถนนเมืองหรือบนทางหลวง ห้องโดยสารยังคงเงียบสงบ มอบประสบการณ์การเดินทางที่สะดวกสบายให้แก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพด้านความเงียบก็อาจได้รับผลกระทบบ้างจากสภาพพื้นผิวถนน ความเร็วขับขี่ และอายุการใช้งานของตัวรถ
Q
ยี่ห้อน้ำมันที่ Volvo ใช้คืออะไร?
น้ำมันเครื่องที่ Volvo ใช้งานโดยทั่วไปจะแตกต่างกันไปตามรุ่นรถและการจัดหาผลิตภัณฑ์ในแต่ละพื้นที่ ในตลาดประเทศไทย แบรนด์ที่พบได้บ่อยคือ Castrol และ Mobil ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียง อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่เหมาะสมที่สุดควรอ้างอิงตามคู่มือการบำรุงรักษารถยนต์และคำแนะนำจากตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่
Q
Volvo สามารถวิ่งได้นานเท่าไหร่โดยไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมัน?
คู่มือการบำรุงรักษาอย่างเป็นทางการของ Volvo แนะนำว่า สำหรับรถรุ่นปกติ (เช่น S60, XC40, XC60 ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ Drive-E) ภายใต้สภาพการขับขี่ปกติ ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก 1 ปี หรือทุก 15,000 กิโลเมตร แล้วแต่ว่าอย่างใดถึงก่อน ซึ่งมาตรฐานนี้เหมาะสมกับสภาพการใช้งานส่วนใหญ่ในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม หากใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ที่ผ่านการรับรองจาก Volvo (เช่นเบอร์ 0W-20 หรือ 5W-30) และขับขี่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม (เช่น ใช้ทางหลวงเป็นหลัก มีการติดขัดหรือขับระยะสั้นน้อย) ผู้ใช้บางรายพบว่าสามารถวิ่งได้ถึงประมาณ 20,000 กิโลเมตรก่อนจะต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง แต่ทั้งนี้ยังคงแนะนำให้ยึดตามรอบการบำรุงรักษาของทางการ เพื่อยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ ทั้งนี้ เนื่องจากสภาพอากาศร้อนและการจราจรติดขัดในประเทศไทย อาจทำให้การสตาร์ตและหยุดบ่อยครั้ง รวมถึงอุณหภูมิสูง เร่งการเสื่อมสภาพของน้ำมันเครื่องได้ จึงไม่แนะนำให้ยืดระยะเวลาการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องออกไปนานเกินควร สำหรับรถบางรุ่นที่มีระบบตรวจสอบสภาพน้ำมันเครื่องในตัว รถจะวิเคราะห์คุณภาพน้ำมันเครื่องแบบเรียลไทม์ และแจ้งเตือนการเปลี่ยนถ่ายผ่านหน้าปัด ซึ่งผู้ขับสามารถใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจได้ หากมีการใช้น้ำมันเครื่องจากแบรนด์อื่นที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือมีการขับขี่แบบเร่งสมรรถนะอย่างต่อเนื่อง ควรลดรอบการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องลงเหลือประมาณ 10,000 กิโลเมตร หรือน้อยกว่านั้น เพื่อป้องกันการสึกหรอของเครื่องยนต์ เพื่อรักษาสมรรถนะของรถให้อยู่ในระดับดีที่สุด แนะนำให้เจ้าของรถในประเทศไทยเข้ารับบริการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอที่ศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาต เพื่อให้แน่ใจว่าน้ำมันเครื่องและชิ้นส่วนสำคัญอื่นๆ อยู่ในสภาพที่เหมาะสมกับสภาพอากาศเขตร้อน
Q
Volvo S60 ใช้น้ำมันประเภทใด
Volvo S60 ในประเทศไทยโดยทั่วไปใช้น้ำมันเบนซิน โดยส่วนใหญ่จะเติมเบนซินออกเทน 95 อย่างไรก็ตาม ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้จริงอาจแตกต่างกันเล็กน้อยตามรุ่นย่อยและสภาพการจัดหาน้ำมันในแต่ละพื้นที่
Q
Volvo S60 มีประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิงหรือไม่?
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของ Volvo S60 จัดอยู่ในระดับกลางถึงค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับรถยนต์ซีดานหรูระดับเดียวกัน โดยประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันจะแตกต่างกันตามรุ่นเครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อน สำหรับรุ่นที่พบได้ทั่วไปในตลาดประเทศไทย เช่น T5 (เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ 250 แรงม้า) ขับเคลื่อนล้อหน้า มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงตามข้อมูลทางการอยู่ที่ประมาณ 7.5-8.0 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ส่วนการใช้งานจริงอาจอยู่ในช่วงประมาณ 8-10 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับสภาพถนนและรูปแบบการขับขี่ ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับรถแบรนด์เยอรมันระดับเดียวกัน หากเลือกเป็นรุ่นเสียบปลั๊กไฮบริด (Recharge หรือ T8) อัตราสิ้นเปลืองในโหมดไฮบริดจะลดต่ำลงเหลือประมาณ 2.0-2.5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร (โดยต้องมีการชาร์จไฟสม่ำเสมอเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด) พร้อมระยะทางขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนประมาณ 50-60 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC ซึ่งเหมาะกับการขับขี่ในชีวิตประจำวันระยะสั้น เครื่องยนต์ Drive-E ของ Volvo ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ช่วยรักษาสมรรถนะการขับขี่พร้อมกับปรับปรุงประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน และในบางรุ่นอย่าง B5 ยังมีระบบไฮบริด 48V ที่สามารถกู้คืนพลังงานระหว่างการออกตัวและการไหลลื่น ช่วยเพิ่มความประหยัดได้อีกขั้น สำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์ที่ประหยัดน้ำมันโดยไม่ลดทอนความหรูหรา รุ่นเสียบปลั๊กไฮบริดของ S60 ถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่วนรุ่นเครื่องยนต์เบนซินทั่วไปก็ยังมีอัตราสิ้นเปลืองที่น่าพอใจเมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกัน และหากต้องขับขี่ในสภาพจราจรติดขัดบ่อย เช่นในกรุงเทพฯ แนะนำให้พิจารณารุ่นไฮบริดเพื่อช่วยลดต้นทุนการใช้งาน
Q
โวลโว้ราคาซ่อมแพงหรือไม่?
ค่าซ่อมบำรุงของ Volvo ในประเทศไทยโดยทั่วไปถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ย สาเหตุหลักเพราะชิ้นส่วนอะไหล่ของ Volvo ส่วนใหญ่นำเข้า และตัวรถเองมีเทคโนโลยีรวมถึงกระบวนการผลิตที่ซับซ้อน อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการซ่อมจริงจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น รุ่นรถ ประเภทของปัญหา และสถานที่ซ่อม เช่น ในกรณีของ Volvo XC60 ค่าซ่อมบำรุงในงานทั่วไปมักจะสูงกว่ารถที่ผลิตในประเทศบางรุ่น แต่ด้วยคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัยที่สูงของ Volvo ก็ช่วยเสริมให้ตัวรถมีความทนทานและความน่าเชื่อถือในระยะยาว
Q
เครื่องยนต์ Volvo S60 จะใช้งานได้นานเท่าไร
อายุการใช้งานของเครื่องยนต์ Volvo S60 ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น การบำรุงรักษา พฤติกรรมการขับขี่ และสภาพแวดล้อมการใช้งาน โดยทั่วไป หากได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสมและมีพฤติกรรมการขับขี่ที่ดี เครื่องยนต์สามารถทำงานได้อย่างมั่นคงเป็นเวลานาน และการใช้งานนานกว่าสิบปีก็ไม่ใช่ปัญหา อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถระบุระยะเวลาใช้งานที่แน่นอนได้อย่างชัดเจน สำหรับสภาพอากาศในประเทศไทยที่มีความร้อนและความชื้นสูง อาจส่งผลกระทบบางประการต่อชิ้นส่วนเครื่องยนต์ ดังนั้นจึงควรให้ความสำคัญกับการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ และเลือกใช้น้ำมันเชื้อเพลิงรวมถึงน้ำมันหล่อลื่นคุณภาพสูงเพื่อยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์
Q
ทำไม Volvo S60 ถึงถูกยุติการผลิต?
ปัจจุบัน Volvo S60 ยังไม่ได้หยุดการผลิตในระดับโลก ยังคงเป็นรถซีดานหรูขนาดกลางที่สำคัญของแบรนด์และจำหน่ายต่อไปในตลาด อย่างไรก็ตาม การปรับกลยุทธ์ในบางตลาดของ Volvo อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้บริโภคในไทยเกิดข้อสงสัย ในความเป็นจริง Volvo กำลังเร่งการเปลี่ยนแปลงสู่รถยนต์ไฟฟ้าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยตัวแทนจำหน่ายในบางพื้นที่อาจลดสต็อกของ S60 รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน และหันมาเน้นโปรโมตรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (เช่น S60 Recharge T8) หรือรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัว นอกจากนี้ การวางแผนการผลิตทั่วโลกของ Volvo ก็กำลังได้รับการปรับปรุง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการจัดส่งในบางตลาดชั่วคราว สำหรับตลาดไทย หากคุณต้องการซื้อ S60 ควรติดต่อกับตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่เพื่อยืนยันสต็อกหรือการจองรถที่อัปเดตล่าสุด ในขณะเดียวกัน Volvo ก็กำลังโปรโมตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ในซีรีส์ EX (เช่น EX30, EX90) ซึ่งสามารถคาดหวังได้ว่าในอนาคตแบรนด์จะนำเสนอรถยนต์พลังงานใหม่มากขึ้นในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อตอบสนองแนวโน้มการรักษาสิ่งแวดล้อม หากคุณชื่นชอบสไตล์หรูหราแบบนอร์ดิกของ S60 ยังสามารถพิจารณารุ่นปรับโฉมที่เพิ่งเปิดตัวหรือรุ่นต่อไปที่จะเปิดตัวในอนาคตได้เช่นกัน
Q
ฉันสามารถใส่น้ำมันเบนซิน 87 ลงใน Volvo S60 ได้หรือไม่?
โดยทั่วไปแล้ว ไม่แนะนำให้ใช้เบนซินออกเทน 87 กับ Volvo S60 เพราะรถรุ่นนี้มักต้องการเบนซินที่มีออกเทนสูงกว่าเพื่อรักษาประสิทธิภาพและความเสถียรของเครื่องยนต์ การใช้เบนซินออกเทนต่ำอาจทำให้การเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ ส่งผลกระทบต่อการออกแรงของเครื่องยนต์ และอาจทำให้เครื่องยนต์เกิดความเสียหายได้

Q&A เกี่ยวข้อง

Q
ม้าแรงใน porsche cayenne มีอยู่เท่าไหร่
พอร์เช่ คายเอนน์ มีช่วงกำลังแรงม้าซึ่งแตกต่างกันตามแต่ละรุ่น รุ่นเริ่มต้น คายเอนน์ (3.0T V6) ให้กำลังสูงสุด 340 แรงม้า รุ่นที่มีสมรรถนะสูงขึ้น คายเอนน์ เอส (2.9T V6) เพิ่มขึ้นเป็น 440 แรงม้า ขณะที่รุ่นเรือธง คายเอนน์ ทูโบ (4.0T V8) สามารถพุ่งพรวดถึง 650 แรงม้า และรุ่นไฮบริด คายเอนน์ ทูโบ เอส อี-ไฮบริด สามารถทำกำลังได้ถึง 739 แรงม้า โดยมีการทำงานร่วมกันระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์เบนซิน ซึ่งเป็นรุ่นที่มีสมรรถนะสูงสุดที่วางจำหน่ายในปัจจุบัน ระบบเครื่องยนต์เหล่านี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความชำนาญในการปรับแต่งเครื่องยนต์ของพอร์เช่ แต่ยังมาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ Tiptronic S 8 สปีด และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้กำลังถูกส่งไปยังทั้งสี่ล้ออย่างมีประสิทธิภาพ ควรทราบว่าอากาศร้อนของประเทศไทยอาจส่งผลกระทบเล็กน้อยต่อกำลังสูงสุดของเครื่องยนต์เทอร์โบ (โดยเฉพาะในการขับขี่ที่รุนแรงต่อเนื่อง) แต่ระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพของพอร์เช่ (รวมถึงอินเตอร์คูลเลอร์ที่ขยายขนาดและการจัดการอุณหภูมิอัจฉริยะ) สามารถช่วยบรรเทาปัญหานี้ได้ หากต้องการประสบการณ์การเร่งความเร็วที่ดุเดือดยิ่งขึ้นสามารถเลือกติดตั้งอุปกรณ์ Sport Chrono ที่ทำให้การตอบสนองของเครื่องยนต์รวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น โดยเฉพาะในการขับขี่ในเส้นทางภูเขาหรือทางที่มีโค้งมาก
Q
โปรเช่คาเยนจะใช้งานได้นานเท่าไหร่
Porsche Cayenne ขึ้นชื่อในเรื่องคุณภาพวิศวกรรมและความทนทานที่ยอดเยี่ยม ภายใต้การบำรุงรักษาที่เหมาะสมและการใช้งานอย่างมีเหตุผล รถยนต์สามารถใช้งานได้ 15-20 ปีหรือมากกว่านั้น อายุการใช้งานที่แน่นอนขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น การบำรุงรักษาตามกำหนด (แนะนำให้เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง, ตัวกรอง, ระบบเบรก และชิ้นส่วนสำคัญอื่นๆ ตามช่วงเวลาและคำแนะนำของ Porsche), พฤติกรรมการขับขี่ (การหลีกเลี่ยงการขับขี่ที่รุนแรงจะช่วยลดภาระต่อเครื่องยนต์), สภาพอากาศ (ในประเทศไทยที่มีอากาศร้อนและชื้นควรระวังการเกิดสนิมและตรวจสอบระบบอิเล็กทรอนิกส์), และระยะทางที่วิ่ง (หลายคันสามารถรักษาสภาพที่ดีได้แม้หลังจากวิ่ง 200,000–300,000 กิโลเมตร) เครื่องยนต์ 3.0T V6 และ 4.0T V8 ของ Porsche ได้รับการออกแบบอย่างแข็งแกร่งและมีการปรับแต่งที่แม่นยำร่วมกับเกียร์ Tiptronic S 8 สปีด ที่มีความเชื่อถือได้ในระยะยาว ในขณะที่เวอร์ชันปลั๊กอินไฮบริดมีการรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปีหรือ 160,000 กิโลเมตร (ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ถึงก่อน) ซึ่งช่วยลดความกังวลเรื่องการบำรุงรักษาในอนาคต นอกจากนี้ Porsche ยังมีเครือข่ายบริการหลังการขายที่มีคุณภาพในประเทศไทย เพื่อให้บริการชิ้นส่วนและการสนับสนุนทางเทคนิคจากผู้ผลิต เพื่อยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ หากงบประมาณเอื้ออำนวย แนะนำให้เลือกการรับประกันจาก Porsche (Extended Warranty) เพื่อครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมชิ้นส่วนที่เสื่อมสภาพ และรักษาสภาพรถ Cayenne ของคุณให้อยู่ในระดับสูงสุดในระยะยาว
Q
เบรกที่จอดอยู่ที่ไหนใน Porsche Cayenne
ตำแหน่งของเบรกจอดของ Porsche Cayenne โดยทั่วไปจะอยู่ใกล้กับแผงคอนโซลด้านข้างของผู้ขับขี่ ซึ่งอาจเป็นปุ่มเบรกมือไฟฟ้า รูปแบบของตำแหน่งอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นและการตั้งค่าของรถ แต่โดยทั่วไปแล้วมักจะอยู่ใกล้กับบริเวณคันเกียร์
Q
โปรเช่คาเยนวิธีการเปิดถังน้ำมัน
ในประเทศไทย วิธีการเปิดฝาถังน้ำมันอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่น โดยทั่วไปแล้วรถยนต์ทั่วไปเช่น Toyota Camry หรือ Honda Civic มักจะมีปุ่มเปิดฝาถังน้ำมันอยู่ใกล้กับพื้นบริเวณที่นั่งคนขับ เมื่อดึงปุ่มนั้นก็จะเปิดฝาถังน้ำมันได้ บางรุ่นอาจจะมีปุ่มเปิดที่แผงคอนโซลกลางหรือที่ประตูรถ ขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่นและการออกแบบของผู้ผลิต
Q
เครื่องยนต์ชนิดใดอยู่ใน porsche cayenne
Porsche Cayenne มีทางเลือกของขุมพลังหลายประเภทเพื่อตอบสนองความต้องการในการขับขี่ที่หลากหลาย รวมถึงเครื่องยนต์เบนซินสมรรถนะสูง เครื่องยนต์ดีเซลที่มีประสิทธิภาพ (ในบางตลาด) และระบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ในตลาดประเทศไทย รุ่นที่พบได้บ่อยที่สุดคือรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน เช่น เครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ (340 แรงม้า) และเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่ (Cayenne Turbo 550 แรงม้า) ซึ่งทั้งสองรุ่นใช้เกียร์อัตโนมัติ Tiptronic S 8 สปีดของ Porsche ที่มอบทั้งสมรรถนะสปอร์ตและความสะดวกสบาย สำหรับผู้ที่เน้นความประหยัดน้ำมัน รุ่น Cayenne E-Hybrid (PHEV) เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะมีการผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 2.0T หรือ 3.0T กับมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งช่วยลดการใช้น้ำมันและเพิ่มระยะทางการขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วนได้ประมาณ 40–50 กิโลเมตร เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมือง ส่วนในยุโรปและบางตลาดมีรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล V6 ขนาด 3.0T แต่ในประเทศไทย รุ่นดีเซลค่อนข้างหายากเนื่องจากความต้องการและนโยบายในตลาด สำหรับผู้ที่ต้องการสมรรถนะสูงสุด สามารถพิจารณารุ่น Cayenne Turbo S E-Hybrid ที่มาพร้อมระบบไฮบริด 4.0T V8 ซึ่งสามารถพัฒนากำลังสูงสุดถึง 680 แรงม้า ถือเป็นรุ่นที่มีสมรรถนะสูงสุดในซีรีส์ Cayenne